โครงการผู้นำด้านการอนุรักษ์

การเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนท้องถิ่นในการปรับปรุงการอนุรักษ์ช้างไทย

ช้าง Elephas maximus เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุดในเอเชีย สามารถพบได้ตามแนวชายแดนไทยและพม่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระในจังหวัดกาญจนบุรีเป็นเขตอนุรักษ์ที่สำคัญสำหรับช้างเหล่านี้ในประเทศไทย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ. ศ. 2508 นับว่าเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกในประเทศไทย แต่น่าเสียดายที่ใน 40 ปีที่ผ่านมาสถานที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้ได้เผชิญกับภัยคุกคามต่างๆ เช่นการลักลอบตัดไม้การค้าสัตว์ป่า การบุกรุกที่ดิน ไฟป่า และความขัดแย้งของช้างกับมนุษย์
ความยั่งยืนของเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าแห่งนี้จะลดลงหากปราศจากการแทรกแซง นี่ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อชุมชนท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังคุกคามต่อการดำรงอยู่ของช้าง และระบบนิเวศทั้งหมดถูกทำลาย
ในขณะนี้เกษตรกรใช้รั้วไฟฟ้าและพลุเพื่อขัดขวางการบุกรุกพื้นที่เกษตรกรรมของช้าง ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพและไม่มีความยั่งยืน รั้วไฟฟ้านั้นมีราคาแพงและยังถูกช้างทำลายได้โดยง่าย และไม่สามารถป้องกันช้างจากการบุกรุกพื้นที่เพาะปลูกได้อย่างสิ้นเชิง

การอนุรักษ์ช้างในชุมชน

ในปีพ. ศ. 2555 มูลนิธิพาช้างกลับบ้าน (BTEH) ได้ริเริ่มโครงการอนุรักษ์ช้างในชุมชนบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ โดยการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ความยอมรับทางสังคม และความชำนาญด้านการฟื้นฟูระบบนิเวศ BTEH และผู้นำชุมชนท้องถิ่นสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกิจกรรมการอนุรักษ์ ในอดีต BTEH และชุมชนให้ความสำคัญกับกิจกรรมการอนุรักษ์ของในเรื่องการมีส่วนร่วมของชุมชนการศึกษา การสร้างความตระหนัก และเสริมสร้างศักยภาพในการอนุรักษ์ช้างและการฟื้นฟูป่า

[images] [/images]

BTEH ช่วยฟื้นฟูสภาพป่าและทำให้ที่อยู่อาศัยของช้างป่าให้มีความสมบูรณ์ขึ้น ซึ่งทำให้พวกมันไม่มีความจำเป็นที่จะตระเวนไปนอกเขตคุ้มครองอีกต่อไปในปีพ. ศ. 2558 BTEH ได้รับทุนจาก Critical Ecosystem Partnership Fund (CEPF) เพื่อเปิดโครงการผู้นำด้านการอนุรักษ์ (Conservation Leadership Program) ซึ่งช่วยให้องค์กรของเราสามารถเติบโตและช่วยในการเสริมสร้างศักยภาพขององค์กรเราอีกด้วย โปรแกรมการฝึกอบรมที่เป็นเอกลักษณ์นี้ช่วยให้ตัวแทนด้านการอนุรักษ์ / ผู้นำด้านการอนุรักษ์สามารถสร้างความแตกต่างให้กับสัตว์ป่าได้อย่างแท้จริง มูลนิธิฯได้จัดตั้งทีมเล็ก ๆ ซึ่งประกอบด้วยผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเพื่อให้มีความกระตือรือร้นในการพยายามที่จะอนุรักษ์ แทนที่จะใช้วิธีการแก้ปัญหาที่มีราคาแพงเพื่อป้องกันไม่ให้ช้างออกไปนอกพื้นที่คุ้มครองเช่นรั้วไฟฟ้า ทีมงานได้ทำการสำรวจแนวทางแก้ปัญหาใหม่ ๆ เช่นแผนการตรวจสอบร่วมกัน การเปลี่ยนแปลงการเพาะปลูก / การดำรงชีวิต โปรแกรมการศึกษา และการควบคุมด้วยรั้วรังผึ้ง
ในเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2553 BTEH และผู้นำด้านการอนุรักษ์ได้ทำการสำรวจและสัมภาษณ์ผู้คน 410 คนที่อาศัยอยู่ในเขตตำบลช่องสะเดา ผลการสำรวจทำให้ BTEH สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และช้างในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระได้ดียิ่งขึ้น ผลสำรวจพบว่า

  • คนที่ทำงานในภาคเกษตรกรรมมีความรู้สึกเชิงลบมากขึ้นเกี่ยวกับช้าง เนื่องจากช้างบุกรุกพื้นที่เกษตรกรรม เช่น มันสำปะหลัง กล้วย ขนุน และมะม่วง
  • คนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการอนุรักษ์ของชุมชนมีทัศนคติที่ดีต่อช้างมากขึ้นเมื่อเทียบกับชาวบ้านที่ไม่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการเหล่านี้
  • คนส่วนใหญ่ (87%) รู้สึกว่าการลงทุนในการอนุรักษ์ช้างเป็นเรื่องสำคัญเพราะช้างดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการริเริ่มด้านการอนุรักษ์ ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ชาวบ้านในท้องถิ่นมีประวัติอันยาวนานในการอาศัยอยู่ร่วมกับช้างและช้างก็ถือเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศไทย

[images][/images]

การจัดการกับความขัดแย้ง

นอกเหนือจากการประเมินด้วยแบบสอบถามแล้ว BTEH ได้จัดให้มีการวิจัยเชิงปฎิบัติแบบมส่วนร่วม เพื่อให้สมาชิกในชุมชนและเจ้าหน้าที่อุทยานร่วมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับการประนีประนอมความขัดแย้ง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความขัดแย้งระหว่างสมาชิกในชุมชนกับเจ้าหน้าที่อุทยานได้เกิดขึ้นเนื่องจากหมู่บ้านปล่อยให้สัตว์เลี้ยงเข้าไปกินหญ้าในพื้นที่คุ้มครอง การวิจัยเชิงปฏิบัติแบบมีส่วนร่วมช่วยในการเจรจาและช่วยกระตุ้นความรู้สึกเป็นเจ้าของของโครงการอนุรักษ์ในสมาชิกชุมชน ภายใต้เป้าหมายร่วมกัน “สภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ของช้างนำมาซึ่งความสุขของผู้คน” กิจกรรมที่ต้องการทั้งชุมชนและเจ้าหน้าที่อุทยานในการมีส่วนร่วม ได้แก่ :

  • โครงการร่วมในการลาดตระเวนช้าง

  • การส่งเสริมการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเช่นการฟื้นฟูป่าและการปรับปรุงสถานเพาะพันธุ์พืช

นอกเหนือจากสองประเด็นข้างต้นแล้ว กลุ่มที่ 1 (เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ) ได้นำเสนอแนวทางอื่น ๆ ในการลดความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับช้างได้แก่ :

  • แนะนำระบบควบคุมการเก็บรวบรวมไม้ไผ่
  • เสริมความสามารถในการใช้รั้วไฟฟ้า
  • ปลูกพืชเศรษฐกิจที่ช้างไม่ชอบในเขตกันชน
  • เพิ่มแหล่งน้ำมากขึ้นในบริเวณพื้นที่คุ้มครอง

นอกจากนี้เพื่อลดความขัดแย้งของช้างกับมนุษย์และปรับปรุงโครงการอนุรักษ์ช้างในเขตภาคตะวันตกของประเทศไทย BTEH จัดกิจกรรมการทัศนศึกษาสำหรับสมาชิกชุมชน เจ้าหน้าที่อุทยาน นักวิจัย และเจ้าหน้าที่ BTEH และ ZSL เดินทางไปพบกับทีมวิจัยจากศูนย์วิจัยสัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย สมาชิกในชุมชนมีปฏิกิริยาเชิงบวกกับความคิดในการใช้รังผึ้งทำรั้วเพื่อป้องกันช้างออกจากพื้นที่ และได้รับแรงบันดาลใจและมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับวิธีการใหม่ๆและยั่งยืนมากขึ้นในการจัดการกับความขัดแย้งของมนุษย์กับช้าง

[images][/images]

ผึ้งและช้าง

เป็นความจริงที่รู้จักดีว่าช้างนั้นกลัวผึ้ง พวกมันมีเสียงเฉพาะเพื่อเตือนภัยการคุกคามจากผึ้ง ผึ้งช่วยยับยั้งช้างจากการรุกรานที่ดินของชาวนา ตอนแรกงานวิจัยเกี่ยวกับรั้วรังผึ้งได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จในเคนยา โครงการรั้วรังผึ้งแห่งแรกในประเทศไทยซึ่งได้รับการออกแบบและตรวจสอบโดยศูนย์วิจัยสัตว์ป่าภูหลวงได้แสดงให้เห็นถึงผลที่เป็นไปตามความคาดหวัง ศูนย์วิจัยสัตว์ป่าภูหลวงเป็นทีมวิจัยแห่งแรกในประเทศไทยที่ดำเนินการวิจัยรั้วรังผึ้งเพื่อประโยชน์ร่วมกันของเกษตรกรและช้าง

กลุ่มผู้นำด้านการอนุรักษ์จากกาญจนบุรีเป็นกลุ่มผู้นำชุมชนคนแรกที่เดินทางไปเรียนรู้เกี่ยวกับแนวรั้วผึ้งในภูหลวง จังหวัดเลย ผู้นำที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและแรงจูงใจเหล่านี้จะดำเนินการกับความเป็นไปได้ในการใช้รั้วรังผึ้งเป็นทางออกที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพ ความรู้ที่ได้รับจากการเสริมสร้างศักยภาพนี้ประกอบด้วยการออกแบบโครงการระยะสั้นที่ช่วยให้ผู้นำด้านการอนุรักษ์ตระหนักถึงการอยู่ร่วมกับช้างป่าอย่างสงบสุข
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการสร้างรั้วของรังผึ้งเพื่อสร้างทางออกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการลดความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และช้างในภาพชุดการสำรวจการศึกษาเรื่อง ‘Beehive Fence Research’

ชาวบ้านในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในโครงการของเราอย่างใกล้ชิด

เกี่ยวกับ CEPF

กองทุนความร่วมมือด้านระบบนิเวศที่สำคัญ (Critical Ecosystem Partnership Fund) เป็นการริเริ่มร่วมกันของ l’Agence Française de Développement, สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (Conservation International), สหภาพยุโรป, สถาบันสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility), รัฐบาลญี่ปุ่น, มูลนิธิ MacArthur และธนาคารโลก เป้าหมายขั้นพื้นฐานของ CEPF คือการทำให้ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
CEPF มอบทุนให้กับองค์กรภาคประชาสังคมเพื่อช่วยปกป้องจุดที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพมากที่สุดในโลกแต่มีการคุกคามอย่างหนัก ในปีพ. ศ. 2556 IUCN และ CEPF ได้เปิดตัวโครงการลงทุนระยะยาว 5 ปีเพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญทั่วโลกใน “อินโด – พม่า” ซึ่งประกอบด้วยเวียดนาม กัมพูชา ไทย พม่า และทางตอนใต้ของประเทศจีน IUCN เป็นผู้นำทีมการดำเนินงานในส่วนภูมิภาค (RIT) ของ CEPF ในจุดที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติที่เชื่อต่ออินโด – พม่า องค์กรทำงานร่วมกับเครือข่ายการอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของพม่าในประเทศพม่าและ Kadoorie Farm and Botanic Garden (KFBG) ในประเทศจีน

Single donation (EN)
Would you like to donate?
How do you wish to pay?
Choose your bank
Choose your creditcard
Please enter your details

Section

Gender
Terms *
‹ Back to previous page